ภูมิคุ้มกันบำบัด 2017-11-21T16:13:52+00:00

ภูมิคุ้มกันบำบัด

GRACE PLASTIC SURGERY

การฟอกเลือด
ภูมิคุ้มกันบำบัด
การบำบัดด้วยสเต็มเซลล์

ภูมิคุ้มกันบำบัดคืออะไร ?

เซลล์มะเร็งเกิดและโตขึ้นตลอดเวลาในร่างกายของเรา แต่เรามีเซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมและกำจัดเซลล์มะเร็ง แต่เมื่อร่างกายอ่อนแอหรืออายุที่มากขึ้น กระบวนการควบคุมและกำจัดเซลล์มะเร็งทำงานด้อยลง ภูมิคุ้มกันบำบัดจะเข้ามามีบทบาทในการรักษาโรคต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งก็คือการรักษาด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกันของมนุษย์ ซึ่งกระบวนการรักษานี้เป็นที่สนใจมากในทางการแพทย์

ทำไมเลือกภูมิคุ้มกันบำบัดที่ Grace?

เซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน-LC คือแนวทางการรักษามะเร็งด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกัน เป็นการรักษามะเร็งที่ได้รับการรองรับจากองค์การอาหารและยาของประเทศเกาหลีในปี 2007 / บริษัท Green Cross Mark
  • ศูนย์ชะลอวัยที่ Grace จัดโปรแกรมการรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดโดยร่วมกับบริษัท Green Cross Mark ซึ่งเป็นบริษัทเดียวที่ผ่านการรับรองให้เตรียมเซลล์ภูมิคุ้มกันเพื่อรักษาในประเทศเกาหลี
  • บางโรงพยาบาลจะใช้สาร cytokine ที่กระตุ้นการทำงานของการกำจัดของเซลล์ แทนการเลือกใช้เซลล์ NK ซึ่งได้รับการยอมรับจากและแสดงผลในการประชุม SCI สำหรับกระบวนการผลิต IFN-γ,TNF-α

ทำไมเลือกภูมิคุ้มกันบำบัดที่ Grace?

Immunecell-LC is the medicine which is removing the
cancer cell by using the patient body’s immune
cell. This is the anticancer drug which is proofed
from the Korea Food & Drug Administration in
2007 / Green Cross Mark corp.
  • Grace GSC Anti-aging center is the processing the immune cell treatment with the green cross mark cell corp. which is the only place to provide the immune cell medicine in Korea.

  • In some hospitals, instead of using the NK cell, they are using the cytokine which is the cytokine induced killer cell. They have announced in the SCI, 세계면역악학회’s thesis that they have manufactured the IFN-γ,TNF-α (immune cell).

กระบวนการภูมิคุ้มกันบำบัดของ Grace

กระบวนการภูมิคุ้มกันบำบัดของ Grace

ข้อดีของภูมิคุ้มกันบำบัดของ Grace

  •  เซลล์มะเร็งจะถูกกำจัดด้วยระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้เอง

  • เซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่สามารถตัดออกได้

  •  ลดการเป็นซ้ำหลังการรักษา

  • ลดความกังวลใจที่จะเกิดการกำเริบของโรค

  • ภาวะแทรกซ้อนน้อย เพราะใช้เซลล์ของร่างกายตนเอง

  • สามารถรักษาร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัดได้

  • เพิ่มคุณภาพการใช้ชีวิตของคนไข้

  •  เซลล์มะเร็งจะถูกกำจัดด้วยระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้เอง

  • เซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่สามารถตัดออกได้

  •  ลดการเป็นซ้ำหลังการรักษา

  • ลดความกังวลใจที่จะเกิดการกำเริบของโรค

  • ภาวะแทรกซ้อนน้อย เพราะใช้เซลล์ของร่างกายตนเอง

  • สามารถรักษาร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัดได้

  • เพิ่มคุณภาพการใช้ชีวิตของคนไข้

ภูมิบำบัดของ Grace แนะนำในกรณีใ

  • เพิ่มความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันหลังการรักษามะเร็ง

  • หากยังมีเซลล์มะเร็งหลงเหลือหลังการรักษา
  • หากมีการเป็นซ้ำหลังการรักษา
  • หากกังวลใจกับผลแทรกซ้อนของการรักษา
  • หากมีปัญหาภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ลดลง
  • หากต้องการรักษาโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันเช่น โรคข้อรูห์มาตอย หรือลูปัส เป็นต้น

คำถาม และคำตอบเกี่ยวกับ ภูมิคุ้มกันบำบัด

  • โดยเฉลี่ยแล้วต้องทำการรักษากี่ครั้ง ?

โดยทั่วไปแล้วโปรแกรมภูมิคุ้มกันบำบัดจะทำ 5 ครั้งต่อ 2 สัปดาห์ แต่อาจเพิ่มจำนวนครั้งหรือลดจำนวนครั้งตามการตอบสนองต่อการรักษาของคนไข้แต่ละคน

  • ต้องรักษานานเท่าไหร่ ?

นานประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงในแต่ละรอบการรักษา

  • สามารถรับการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยได้หรือไม่ ?

ภูมิคุ้มกันบำบัดจะให้ผลการรักษาที่เสริมกันกับการรักษามะเร็งด้วยวิธีอื่น ระยะเวลาที่เก็บเลือด อาจทำให้ระดับภูมิคุ้มกันเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการจัดตารางที่แน่นอนในการเข้ารับการรักษาจะดีที่สุด

  • ผลแทรกซ้อนจากการรักษามีอะไรบ้าง ?

คนไข้บางรายอาจมีไข้ (อุณหภูมิกายสูงกว่า 38 องศา) แต่หายได้เองใน 1-2 วัน

  • หากเคยได้รับการผ่าตัดก้อนมะเร็งออกไปแล้ว ภูมิคุ้มกันบำบัดยังจำเป็นหรือไม่ ?

การผ่าตัดก้อนมะเร็งจะสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งออกหมดได้หรือไม่นั้น ไม่เป็นที่แน่นอน เพราะการตัดก้อน ทำเฉพาะส่วนที่เห็นด้วยตาเปล่า เซลล์เล็กน้อยที่เหลืออยู่อาจกลับมาเพิ่มจำนวน และทำให้เกิดการกลับเป็นซ้ำได้ การใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมด้วยจะช่วยให้คุณมั่นใจว่า เซลล์ที่หลงเหลืออยู่จะถูกร่างกายกำจัดออกและป้องกันการกำเริบซ้ำ

ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดที่เกิดขึ้นได้ เช่น เลือดออก, แผลติดเชื้อ เป็นต้น ซึ่งอัตราการเกิดและความรุนแรงจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล โดยแต่ละคน จะได้รับคำแนะนำและข้อมูลถึงผลข้างเคียงเหล่านี้อย่างละเอียดก่อนเข้ารับการผ่าตัดเพื่อประกอบการตัดสินใจ